ความเชื่อเรื่องแมวกับคนท้อง
เมื่อพูดถึงเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับแมว ที่เกี่ยวข้องกับคนท้อง ผมก็นึกขึ้นได้เรื่องที่ยายเคยเล่าให้ฟัง ว่าแมวจะเหยียบคนท้อง ขออธิบายคำว่าเหยียบนิดนึง คือคำว่าเหยียบ ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าแมวขึ้นบนท้อง จะหมายถึงว่าแมวจะทำให้มีการเจ็บป่วย หรือว่ามีโรคเกิดขึ้นกับคนนั้นๆ คำว่าเหยียบบ้านผมคือใช้กับกรณีความเจ็บป่วย เคราะห์ร้าย หรือว่าเกิดเรื่องแบบไม่ดีขึ้น ประมาณนั้นครับ
วันนี้ผมก็เลย อยากจะเขียนเกี่ยวกับความเชื่อของเรื่องนี้ครับ เพราะว่าแมวเหยียบไม่มีจริงหรอครับ จากการค้นหาข้อมูล แล้วเรื่องที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ก็พบว่ามันเกิดจากเชื้อพยาธิชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในขี้แมว หรือว่าจะเรียกแบบชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ ก็คือพยาธิขี้แมว พยาธิตัวนี้สามารถที่จะทำให้ทารกในครรภ์ เกิดโรคร้าย หรือว่าความผิดปกติขึ้นได้ การที่จะไปโทษว่าแมวนำโชคร้ายมาให้ แบบนั้นก็ดูจากใจร้ายเกินไป เพราะเชื้อโรคที่เข้าไปสู่ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นความประมาท ของคุณแม่ล้วนๆเลยครับ อย่างเช่นกินอาหารไม่ล้างมือ และในมือมีเชื้อพยาธิตัวนี้ติดเข้าไป แต่ใช่ว่าอากาศที่มีเชื้อโรคชนิดนี้ติดเข้าไปแล้วจะเกิดความไม่สมบูรณ์กับทารกในครรภ์ในทุกราย เพราะบางครั้งมีเชื้อนี้ แต่ถ้าลูกในครรภ์สมบูรณ์ดี อันนี้ก็มีให้เห็นแน่ แล้วผมอยากทราบมาว่าต่อไปจะมีการตรวจเชื้อโรคตัวนี้ ในผู้ป่วยฝากครรภ์ทุกราย ผมรู้สึกว่ามันดี ดีต่อทารกในครรภ์ สร้างความเชื่อมั่นให้คุณแม่และคุณพ่อว่าลูกจะออกมากลายเป็นเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์
แมวเหยียบท้องคนท้อง
พื้นที่อื่นเคยมีคำนี้ไหมครับ อีกคำหนึ่งที่อธิบายคำว่าเหยียบได้แบบชัดเจนก็คือ ผมเหยียบ งงใช่ไหมล่ะมันคืออะไร มันคือเด็กที่ผมยาว แล้วก็ดันอื่นมีไข้เลยช่วงนั้น คนแก่คนเฒ่าก็จะทักเอาว่าเป็นเพราะผมยาวก็เลยเป็นไข้ แล้วก็ได้โอกาสไล่ไอ้เด็กคนนี้ไปตัดผม แมวเหยียบคนท้องนี่ผมก็ว่าน่าจะเป็นกรณีเดียวกัน พอลูกน้อยออกมาไม่สมบูรณ์ หรือว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น แมวก็ดันกลายเป็นตัวซวย พ่อหาสาเหตุไม่ได้ แล้วคนเฒ่าคนแก่บางท่านก็จะบอกนะว่า ถ้าท้อง ให้เอาแมวไปทิ้ง แล้วบางคนก็พูดรุนแรงขนาดว่า เลือกเอาว่า จะเอาแมวไว้หรือเอาลูกไว้
ทั้งที่ความผิดปกตินั้นมันสามารถที่จะป้องกันได้ โดยผมจะพามาดูสาเหตุที่แท้จริงว่ามันเกิดจากอะไร สำหรับโรคที่ผมกล่าวถึงก็คือ โรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplas mosis) หรือโรคขี้แมว เป็นโรคที่มีแมวเป็นพาหะ เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว ในตระกูล Toxoplasma gondii เชื้อนี้มีวงจรชีวิตที่สามารถเจริญเติบโตได้ในสัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด แต่โชคร้ายแมวจัดเป็นโฮสต์แท้จริงของเชื้อชนิดนี้ โดยเชื้อจะอาศัยทางเดินอาหารของแมวในการเจริญเติบโตจนสมบูรณ์ และปล่อยไข่ (oocyst) ปนออกมากับอุจจาระ
โดยแมวกลุ่มเสี่ยง ก็จะเป็นแมวที่เลี้ยงระบบเปิด และไปกินสัตว์อื่น เช่น หนู นก กินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก แต่หากเป็นแมวที่เลี้ยงระบบปิด และไม่กินเนื้อดิบ หนู นก โอกาสพบเชื้อโรคนี้น้อยมาก หรือไม่มีเลยก็ได้
การติดต่อสู่คนของเชื้อโรคนี้มี 3 ทางด้วยกัน
- การกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีไข่ที่เจริญเต็มที่แล้วปนเปื้อนอยู่
- การกินถุงซีสต์ของพยาธิที่อยู่ในเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุกที่มีเชื้อโรคขี้แมวอยู่
- ข้อนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีการติดเชื้อจากข้อ 1 ข้อ 2 ก่อน โดยเชื้อจะเข้าผ่านทางรกเพื่อไปยังทารก หากแม่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
แต่คุณต้องรู้ได้ว่าโรคนี้ไม่ได้เกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน สำหรับคนตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโรคขี้แมว เชื้อโรคจะผ่านรกไปยังทารกและทำให้เกิดโรคขี้แมวแต่กำเนิดได้ แต่ถ้าได้รับเชื้อโรคขี้แมวมาก่อนการตั้งครรภ์และร่างกายมีแอนติบอดีต่อเชื้อโรค ถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่เสี่ยง ส่วนกลุ่มที่เสี่ยง ได้แก่ คนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือติดเชื้อขี้แมวก่อนตั้งครรภ์เพียงเล็กน้อย หรือแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นมะเร็ง และเคยได้รับการทำเคมีบำบัด หรือเคยมีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
การป้องกันสำหรับโรคนี้
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำไม่สะอาด ปัจจุบันน้ำคงไม่มีไม่สะอาดแล้ว เพราะเรากินน้ำบรรจุขวด
- ทุกครั้งที่สัมผัสดินและทรายบริเวณบ้าน ของคุณควรสวมถุงมือเพื่อป้องกัน
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนกินอาหาร
- ดูแลเรื่องขี้แมว ให้กระบะทรายสะอาดอยู่เสมอ แต่ถ้าจะแนะนำให้เปลี่ยนทุกวันก็ แลดูจะกระทบกับค่าใช้จ่าย
- ไม่รับแมวจรจัด หรือแมวใหม่มาเลี้ยงในช่วงตั้งครรภ์
- ถ้าผมได้คือ กำหนดพื้นที่เลี้ยงแมวให้ชัดเจน อาจจะเป็นห้องที่แยกไว้สำหรับการเลี้ยง เพื่อไม่ให้เขาออกไปเดินเพ่นพ่าน หรือไม่นำแมวมานอนด้วย
- ทำความสะอาด กรงแมว ชามอาหาร น้ำดื่ม โดยใช้ความร้อนซึ่งสามารถทำลายไข่ของโปรโตซัวได้
ตื่นแล้วครับว่าเชื้อค่อนข้างน่ากลัว แต่ว่าคุณก็สามารถที่จะป้องกันก่อนได้ เพื่อไม่ให้ลูกน้อยของคุณมีความผิดปกติ แล้วที่สำคัญการที่ต้องเลือกระหว่างแมว กับลูกบางทีมันก็ดูเหมือนจะต้องเลือกลูก แต่ก็คนเลี้ยงแมวคงไม่อยากที่จะใจร้ายกับแมวขนาดนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถอยู่ร่วมกับแมวได้ อย่างปลอดภัย เพียงแค่ต้องดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นอีกนิดเดียว แต่ถ้าลองบ้านใครที่เลี้ยงแมวเป็นระบบปิดอยู่แล้ว อันนี้ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยเพราะทุกอย่างสภาพแวดล้อมคุณสามารถควบคุมได้ ผมว่าโรคนี้มีปัญหากับคนที่เลี้ยงแมวในระบบกึ่งปิด พี่แมวออกไปหาอาหารกินเองได้ และแมวอาจจะไปอึไว้บริเวณบ้าน แต่ก็สามารถป้องกันได้โดยการบ้านล้างมือ ทำความสะอาดมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร ผมว่าการล้างมือ ทุกวันนี้ ทุกคนคงจะทำเป็นกิจวัตรไปซะแล้ว เพราะขนาดผมเองยังรู้สึกว่า นั่งเล่นคอมอยู่ดีๆ แต่รู้สึกมันต้องไปล้างมือล่ะ